รีวิวหนัง บุพเพสันนิวาส 2

รีวิวหนัง บุพเพสันนิวาส 2

รีวิวหนัง บุพเพสันนิวาส 2

[gap]

[ux_video url=”https://www.youtube.com/watch?v=4OKGemq3cJs”]

[gap]

[title style=”center” text=”รีวิวหนัง บุพเพสันนิวาส 2″ tag_name=”h2″ color=”rgb(255, 160, 46)”]

[gap]

สำหรับคนไหนที่รอคอย ดูหนังออนไลน์ ภาคต่อของละครดังของไทย บุพเพสันนิวาส 2 ต้องดีใจสุดๆกับ ถ้ายังจำกันได้ ในงานเปิดไลน์อัปผลงานของ GDH ที่ชื่อว่า ‘GDH Xtraordinary 2021 Line Up‘ ที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว มีไตเติลอันหนึ่งที่เปิดตัวครั้งแรกในงานนั้นด้วย นั่นก็คือ ‘บุพเพสันนิวาส ๒’ ที่ถือว่าฮือฮามาก

เพราะว่าเป็นผลงานร่วมทุนครั้งแรกของ GDH และ ‘บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น’ หยิบเอาผลงานละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ (2561) ที่เคยสร้างกระแส ‘พีหมื่น-การะเกด’ ที่เคยกวาดเรตติงละครสูงทะลุถึง 18.6 ส่วนวันพุธ-พฤหัสบดีที่ออกอากาศ ดูหนังฟรี เพลาใด เทรนด์ทวิตเตอร์ก็ติดอันดับมิได้ขาดสาย มาสร้างในรูปแบบภาพยนตร์นะออเจ้านั้นเอง แค่นิยายที่เขียนออกมาก็ดีงามสุดๆอยู่แล้วยังจะทำออกมาเป็นภาพยนต์อีกด้วยตุยเลยค่าาา ดีสุดๆ

ถ้าได้ย้อนกลับไปใน รีวิวหนังดราม่า ภาคแรกเมื่อตอนละครฉาย นอกจากกระแสความสนุก ประทับใจ ฟินเวอร์ของละครแบบถล่มทลายแล้ว ไอเทมสิ่งละอันพันละน้อยในละครยังกลายมาเป็นซอฟต์พาวเวอร์ให้ชาวไทยเพลานั้นแต่งตาม กินตาม ใช้ตาม เที่ยวตามกันเป็นว่าเล่น

[gap]

[ux_image id=”4718″]

[gap]

[title style=”center” text=”รีวิวหนัง บุพเพสันนิวาส 2 หนังดี” tag_name=”h2″ color=”rgb(255, 160, 46)”]

[gap]

ตั้งแต่กระแสการแต่งชุดไทย กุ้งเผา หมูกระทะ มะม่วงน้ำปลาหวาน พี่หมื่นแรปด่าการะเกด (เจ้าเป็นคนกำเริบ ฯ) โล้สำเภา พ่อม้ำน้ำ มนต์กฤษณะกาลี มีมพี่กิ๊ก สุวัจนี ฯลฯ แถมยังพาให้หนังสือนิยายต้นฉบับที่ประพันธ์โดย ‘รอมแพง’ (จันทร์ยวีร์ สมปรีดา) ขายดีจนพิมพ์ซ้ำนับไม่ถ้วน บอกเลยว่าบูมโคตรๆ

มาถึงปีนี้ ตัวหนัง ‘บุพเพฯ ๒’ ตัวหนังได้ ‘พี่ปิ๊ง’ (อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม) ผู้กำกับแห่ง ‘จอกว้างฟิล์ม’ เจ้าของผลงาน ‘รถไฟฟ้า มาหานะเธอ’ (2552) และละคร ‘น้ำตากามเทพ’ (2558) มารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ แถมยังเปิ๊ดสะก๊าดด้วยการเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่เปิดขายโทเคนดิจิทัลเพื่อระดมทุนสร้างผ่าน ‘Destiny Token’ ที่ขายหมดเกลี้ยงไปแล้วเรียบร้อย ได้มูลค่าระดมทุนรวม 265 ล้านบาท ส่วนรายชื่อผู้ระดมทุนก็จะได้รับการขึ้นเครดิตท้ายในฐานะ Executive Producer

เรื่องโดยย่อของหนังก็คือ เมื่อครั้งสมัยอยุธยา พี่หมื่นและเกศสุรางค์ (a.k.a.การะเกด) ครองรักครองเรือนจนตายจากไปแล้ว แต่ทั้งคู่ได้มีโอกาสกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้งในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พี่หมื่นมาเกิดเป็น ‘ภพ’ (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) นายช่างหนุ่มหล่อที่ฝันถึงหญิงนางหนึ่ง และเชื่อหมดใจว่าเป็นบุพเพสันนิวาส จนเมื่อเขาได้พบเจอกับ ‘เกสร’ (ราณี แคมเปน) ชาติภพใหม่ของเกศสุรางค์ที่หน้าเหมือนญิงในฝัน

[gap]

[ux_image id=”4719″]

[gap]

[title style=”center” text=”รีวิวหนัง บุพเพสันนิวาส 2 หนังน่าดู” tag_name=”h2″ color=”rgb(255, 160, 46)”]

[gap]

ภพเลยคิดจะเกี้ยวพาราสี แต่เพราะเกสรเรียนกับบาทหลวงฝรั่ง เกสรเลยเป็นหญิงหัวก้าวหน้าและไม่ได้เชื่อบุพเพสันนิวาส แถมเจ้าหล่อนกำลังสนใจ ‘เมธัส’ (พาริส อินทรโกมาลย์สุต) หนุ่มหน้าฝรั่งใส่เสื้อแสงอุษาพูดจาผิดยุคไปเสียอีกบอกเลยว่าน่าารักตลกครลเครื่อง

ความวุ้นวายต่างๆนอกจากเรื่องบุพเพฯ บุพพัง ทั้งสามคนยังต้องเข้าไปวุ่นวายกับประวัติศาสตร์การบ้านการเมืองสยาม ที่มีบุคคลสำคัญในสมัยนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้ง ‘พระสุนทรโวหาร (ภู่) – สุนทรภู่’ (นิมิตร ลักษมีพงศ์) ‘บาทหลวงปาลเลอกัวซ์’ (โจนาธาน แซมซัน)

ผู้นำกล้องถ่ายรูปเข้ามาในสยาม และ ‘นายห้างหันแตร’ (แดเนียล บรูซ เฟรเซอร์) ผู้นำเข้าเรือกลไฟ ‘เอ็กสเปรส’ มาเสนอขายแก่สยาม จนเป็นเหตุเกิดเรื่องราวที่อาจทำให้ประวัติศาสตร์สยามต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่จะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหนอย่างไรต้องติดตามดู

มีภาคต่อกันอีกรึป่าวน้าา รีวิวหนังดราม่าน่าดู  ‘บุพเพสันนิวาส’ เป็นจักรวาลภาพยนตร์ แม้ตัวละครอย่าง ‘ภพ’ และ ‘เกสร’ จะเชื่อมโยงกันกับฉบับละครในฐานะ ‘พี่หมื่น-การะเกด’ ที่กลับมาเกิดใหม่ แต่ต้วเนื้อเรื่องของ ‘บุพเพสันนิวาส ๒’ ก็ต้องนับว่าเป็นสปินออฟ จากเวอร์ชันละครล่ะนะครับ เพราะเนื้อหานั้นไม่ใช่ และไม่เกี่ยวข้องกับภาคต่อ (พรหมลิขิต) แต่อย่างใด

[gap]

[ux_image id=”4720″]

[gap]

[title style=”center” text=”ภาคต่อหนังไทยที่หลายคนติดหนึบ” color=”rgb(255, 160, 46)”]

[gap]

แต่เป็นภาพยนตร์ที่แตกเส้นเรื่องออกมาจากจักรวาลหลัก แถมยังแทบจะไม่มีตัวละครจากฉบับละครกลับมาเลยแม้แต่น้อย และถ้าตัดคำว่าระลึกชาติออก ภพและเกสรก็เปรียบเสมือน ‘ตัวแปร’ ของพี่หมื่นและการะเกดอีกทีก็ว่าได้ เนื้องเรื่องชุลมุลสุดๆมีอะไรให้นาค้นหามากมาย

คอนเซ็ปต์ที่ดีไม่แพงบทละคร บุพเพสันนิวาส 2 ก็ต้องบอกว่า นี้ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์ความเป็นรอมคอมที่หยิบเอาประวัติศาสตร์ และบุคคลสำคัญในสยาม มารวมเข้ากับความเป็น Fiction ได้อย่างค่อนข้างลงตัวนะครับ อาจจะเพราะด้วยรอมแพง เจ้าของบทประพันธ์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษา

เหมือนเป็นแกนกลางให้กับทีมเขียนบทของ GDH ด้วย ก็เลยยังคงสามารถผสมเรื่องแต่งเข้ากับประวัติศาสตร์ยุครัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 3 ได้ออกมาสนุก น่าสนใจใคร่รู้ และมีจุดเชื่อมโยงถึงกันและกันและกันได้อย่างลงตัว ไม่มีส่วนไหนที่กระด้างกระเดือกเลยนะจ๊ะ

ต้องบอกอีกอย่างเลยว่าภาคนี้ ระหว่าผู้กำกับ กับนักเขียนสื่อสารกันได้ออกมาอย่างดีมากๆในขณะที่ฝั่ง GDH เองก็เข้ามายกเครื่องในส่วนของความเป็นนิยายได้สนุกเลย ตอนแรกผู้เขียนแอบกลัวแหละครับว่าทั้งสองฝั่งจะบาลานซ์เรื่องออกมาได้สมดุลไหม ซึ่งในองก์แรก ๆ ผู้เขียนที่เคยดูละครมานิดหน่อย ก็ยังพอแอบจับกลิ่นความเป็นละครช่อง 3

[gap]

[ux_image id=”4721″]

[gap]

[title style=”center” text=”รีบไปติดตามกันห้ามพลาดเด็ดขาด” color=”rgb(255, 160, 46)”]

[gap]

โดยเฉพาะพวกไวยากรณ์ทั้งวิธีการเล่าเรื่อง มุกตลก ต่าง ๆ นานา รวมทั้งการพยายามค่อย ๆ ใส่ Eester Egg จากละครบุพเพฯ เข้ามาเป็นจำนวนมากเพื่อเอาใจแฟน ๆ ที่เคยดูละครมาแล้ว และปูเรื่องจากภาคละครให้คนดูรู้เรื่องก่อนด้วย จนผู้เขียนก็แอบเผลอคิดไม่ได้ว่า นี่จะเป็นการยัดเยียดละครลงในหนังดื้อ ๆ หรือเปล่า

รู้สึกดีขึ้นที่ตัวหนังเริ่มค่อย ๆ ฉีกห่างและเริ่มเล่าเรื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ในอีกมุมหนึ่งจะเป็นการปูส่งเข้าเรื่องที่ค่อนข้างช้าเนีอยอยู่เหมือนกัน พอเริ่มเดินเรื่องอย่างจริงจัง ถึงเริ่มจับทางได้ว่า นี่มัน ‘บุพเพสันนิวาส ฉบับ GDH’ จริง ๆ นั่นแหละ ยิ่งใครที่เคยดูหนังหรือซิตคอมมาก่อน

ก็น่าจะพอจับทางความเป็นรอมคอมในแบบของค่ายนี้ได้ แล้วพอมันถูกเล่าด้วยรูปแบบนี้ ผลที่ได้ก็คือ ตัวหนังก็เลยพยายามเล่าประวัติศาสตร์โดยที่ไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์แช่มช้อยสวยงาม หรือต้องวางท่าให้เป็นหนังที่ถูกต้องเป๊ะ ๆ หรือพยายามเคารพประวัติศาสตร์ดั่งพระประธานในโบสถ์

แต่มันถูกเล่าด้วย Pace แบบหนัง GDH ที่ยังเหลือพื้นที่ให้ใส่ความเป็นแฟนตาซีจ๋า ๆ รื้อสร้างคาแรกเตอร์ใหม่ให้กับบุคคลในประวัติศาสตร์ (แบบไม่ต้องแคร์ว่าจะดูเป็นการลบหลู่หรือไม่) และยังเหลือพื้นที่ให้เล่าเรื่องแบบกาว ๆ หรือโบ๊ะบ๊ะแค่ไหนก็ได้

[gap]

[ux_image id=”4722″]

[gap]

แต่ยังคงอยู่ในกรอบของความเป็นบุพเพฯ อยู่นั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นการหารครึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว่าโอเค เพราะถ้าขืนยัดความเป็นบทละครช่อง 3 หรือเอาวิธีการแบบจีดีเอชมาเล่าล้วน ๆ เลย มันอาจจะไม่เวิร์ก ออกมาไม่สนุกเหมือนอย่างที่ควรจะเป็นก็ได้

รีวิวหนังดราม่าดีๆ ภาพยนต์เรื่องนี้ ประกอบด้วยทุนสร้างที่ถือว่าค่อนข้างสูง ตัวหนังก็เลยเล่นใหญ่ใส่เต็มทั้งโปรดักชันที่ทุ่มทุนสร้าง งานเซตติง ฉาก พรอป ที่ถือว่าละเอียดใช้ได้ แม้งานซีจีอาจจะมีลอยนิด ๆ รวมทั้งตัวหนังเองก็ยังวางเรื่องราวใหญ่โต ที่เล่าตั้งแต่การบ้าน (คนรักกัน) ไปถึงเรื่องของการเมืองในประวัติศาสตร์

ทำให้ตัวหนังยาวมากถึง 166 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 46 นาทีแน่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ต้องชมทีมเขียนบทนะครับว่า สามารถรักษาความเป็นแก่นของบุพเพฯ สำหรับแฟน ๆ เอาไว้ได้ดีเลยแหละ คนเป็นแฟน ๆ น่าจะชอบบุพเพฯ เวลาของเรื่องนี้สำหรับผมคิดว่ากำลังพอดีเลย

เก็บรายละเอียดได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเรื่อง หยอดมุกฮา โรแมนติก และรายละเอียดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในประวัติศาสตร์ในแบบฉบับของ GDH เอาไว้ได้อย่างมันมือ เต็มเหนี่ยว และลงตัวมากเสียจนคนที่ไม่เคยดูละครมาก่อน ก็สามารถดูไปด้วยได้แบบเพลิน ๆ และดูรู้เรื่อง พาร์ตฮาก็ได้ฮา พาร์ตโรแมนติกก็ได้ฟิน โดยเฉพาะคู่โป๊ป-เบลล่านี่ไม่ผิดหวังครับ เข้าคู่กันทีไรก็ได้ฟิน น่ารักน่าหยิกทุกฉากไป

รายชื่อนักแสดง

ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ : ขุนสมบัติบดี (ภพ)

ราณี แคมเปน : เกสร

พาริส อินทรโกมาลย์สุต : เมธัส

ชานน สันตินธรกุล : เสด็จในกรม

ปวีณ์นุช แพ่งนคร : พี่ปี่

นิมิตร ลักษมีพงศ์ : พระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือ สุนทรภู่

สุวัจนี พานิชชีวะ : แม่ภพ

Daniel B. Fraser : หลวงอาวุธวิเศษประเทศพานิช (โรเบิร์ต ฮันเตอร์ หรือ นายห้างหันแตร) – แดน บีช แบรดลีย์ (หมอบรัดเลย์)

Jonathan Samson : ฌ็อง-บาติสต์ ปาลกัว (ปาลเลอกัวซ์) – ขุนยุทธมาตย์